แม่พลอย“ ครูสอนเดินแบบ ฉุนผู้จัดงานประกวดเดินแบบ เบี้ยวเงินรางวัลลูกสาว ร้องกองปราบฯ ช่วย

”แม่พลอย“ ครูสอนเดินแบบ ฉุนผู้จัดงานประกวดเดินแบบ เบี้ยวเงินรางวัลลูกสาว ร้องกองปราบฯ ช่วย

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 ต.ค.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น.ส.พลอย อายุ 35 ปี อาชีพครูสอนเดินแบบ ซึ่งเป็นผู้ปกครองของ ด.ญ.อลิส ที่เข้าร่วมประกวดเดินแบบบนเวทีแสดงความสามารถของเด็กและเยาวชน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พงส บก.ปคบ.ภายหลังประกวดเสร็จแล้วไม่ได้รับเงินรางวัลตามที่ผู้จัดงานได้โฆษณาไว้ โดยมี จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. และ อาจารย์มานพ สีเหลือง ทีมงานฯ ร่วมกันพาผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อร้องขอความเป็นธรรม

น.ส.พลอย เปิดเผยว่า งานประกวดดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ก.ค.68 ที่ จังหวัดนครราชสีมา มีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมกว่า 149 คน แบ่งการประกวดเป็น 5 รุ่น แต่หลังจบงานกลับพบว่าผู้จัดไม่ได้มอบเงินรางวัลและของรางวัลพิเศษซึ่งเป็นทองคำตามที่ได้ประชาสัมพันธ์ไว้

น.ส.พลอย กล่าวต่อ ผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศในรุ่นโต ได้รับเงินรางวัลเพียง 2,000 บาท จากที่ควรได้ 10,000 บาท และยังไม่ได้รับเงินรางวัลตำแหน่ง “พรีเซ็นเตอร์” อีก 10,000 บาทเช่นเดียวกับ “น้องอลิส” บุตรสาวของตน ซึ่งได้รับตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์มูลค่า 10,000 บาทแต่ยังไม่ได้รับรางวัลรวมถึงรางวัลพิเศษ “ทองคำ” อีก 10 รางวัลที่ยังไม่มีการมอบให้ตามสัญญา

จากการเบี้ยวเงินรางวัล ทำให้บรรดาผู้ปกครองที่ได้รับความเสียหายจึงรวมตัวกัน มอบอำนาจให้ตนมาติดต่อ จ่าคิงส์ แตงทิม และทีมงานช่วยเหลือในการประสานงานและติดตามคดี

โดยจ่าคิงส์ยืนยันว่า จะนำเรื่องนี้ส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด

ด้าน อาจารย์มานพ กล่าวว่ากรณีนี้ผู้เสียหายควรรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นหลักฐานการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของงานประกวด, หลักฐานการชำระเงินค่าสมัคร, เอกสารการเข้าร่วมประกวด รวมถึงการสื่อสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้จัดงานเพื่อใช้ประกอบการดำเนินคดีได้ทั้งทาง คดีอาญา (กรณีเข้าข่ายฉ้อโกงหรือโฆษณาเกินจริง)และ คดีแพ่ง (กรณีผิดสัญญา ไม่ชำระเงินรางวัลตามที่ตกลงไว้)
ในขณะเดียวกัน ประชาชนและผู้บริโภคควรมีความตระหนักทางกฎหมายมากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อจะเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการเรียกเก็บเงิน หรือให้คำมั่นสัญญาเรื่องรางวัลควรอ่านและทำความเข้าใจข้อตกลงให้ชัดเจน ตรวจสอบประวัติของผู้จัดงาน และดูความน่าเชื่อถือของผู้สนับสนุนก่อนตัดสินใจ
เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ หรือเสียทั้งเงินและความรู้สึกในภายหลัง
แม้บางกรณีผู้จัดงานอาจไม่ได้มีเจตนาทุจริต แต่เมื่อรับผิดชอบงานในที่สาธารณะความโปร่งใสและการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา คือสิ่งที่จะช่วยรักษาความเชื่อมั่นจากสังคมได้ดีที่สุด

หลังจากเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.แล้ววิเคราะห์ว่าคดีนี้น่าจะเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คองพ์ฯ จึงส่ง น.ส.พลอย ไปพบ พงส.บก.ปคบ.เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย หลังพบ พงส.บก.ปคบ.แนะนำให้ น.ส.พลอย ไปร้อง สคบ.เพื่อเรียกผู้จัดการประกวดคู่กรณีมาเจรจาต่อไป




You May Also Like