ศตคม.ตร.ร่วมตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ปฏิบัติการ “ทลายวิมานดิน”
รวบอดีตนิสิตกฎหมายสถาบันดัง ผันตัวเป็นพ่อเล้าบังคับเด็กหญิง ค้าประเวณี
ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ภายใต้อำนวยการสั่งการของ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร./ผอ.ศตคม.ตร., พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์, พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคม., พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ปิยะสมบูรณ์พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส, พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ รอง ผบก.ปคม. และ พ.ต.อ.พงศกร โนรี ประจำ (สบ 5) บก.ปคม. สั่งการให้
เจ้าพนักงานตำรวจ กก.1 บก.ปคม. นำโดย พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ ผกก.1 บก.ปคม.,
พ.ต.ท.ชัยชนะ สุริยวงค์, พ.ต.ท.ณัฏฐพัชร์ งามประดิษฐ์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคม., พ.ต.ท.นิติ ด่านไพบูลย์, พ.ต.ท.เอกรณการ นาคนิยม รอง ผกก.1 บก.ปคม., พ.ต.ท.ธนกร จาวรุ่งวณิชสกุล, พ.ต.ท.สุรศักดิ์ หญีตบึ้ง, พ.ต.ต ภาณุพันธ์ ฤทธิเดช, พ.ต.ต.พศวัต ศรีสุขโข และ พ.ต.ต.อาวุธ ทิพย์วงศา สว.กก.1 บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ดังนี้
1. นายธนัช ฯ หรือวิท อายุ 58 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 5926/2568 ลงวันที่ 9 ต.ค.68
2. นางสาวกรวรรณ ฯ หรือบูม อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 5927/2568
ลงวันที่ 9 ต.ค.68
ในข้อหา
- ร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยกระทำแก่บุคคลอายุ ไม่เกินสิบห้าปี และกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี
- ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญฯ โดยเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี และกระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี
- เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญฯ โดยเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี และกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี
- ร่วมกันกระทำด้วยประการใด บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตน ไม่สมควรฯ
 ตรวจค้นสถานที่จำนวน 2 แห่ง ดังนี้
 1. โรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ
 2. โรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ
พร้อมตรวจยึดของกลาง ดังนี้
- ยาคุมฉุกเฉิน Madonna One จำนวน 4 กล่อง
- ยาเม็ดสอดช่องคลอด CLOTRIDERM V.T. จำนวน 1 กล่อง
- ที่ตรวจครรภ์ Pregnancy Test จำนวน 6 กล่อง
- ถุงยางอนามัย จำนวน ๙ กล่อง
- สมุดบัญชีรายรับ–รายจ่ายของเด็ก จำนวน 2 เล่ม
- สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 1 เล่ม
- โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
- โฉนดที่ดิน จำนวน 2 ฉบับ
 พฤติการณ์ ตามนโยบาย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศตคม.ตร. และ
 พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ บก.ปคม.กวาดล้างอาชญากรรม โดยเฉพาะการค้ามนุษย์และการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กและเยาวชน โดยที่ผ่านมา บก.ปคม.ได้ดำเนินการสืบสวนจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดในคดีค้ามนุษย์เป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงการค้ามนุษย์ในรูปแบบการแสวงหาประโยชน์ โดยมิชอบจากการค้าประเวณีเด็ก และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้กระทำความผิดเปลี่ยนรูปแบบวิธีการให้มีความสลับซับซ้อนไปอยู่ในช่องทางออนไลน์ โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดียที่เข้าถึงตัวเด็กและเยาวชนได้ง่ายในการกระทำความผิด
 ปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ได้ตรวจพบเพจเฟซบุ๊กชื่อ “รับงาน” ซึ่งมีพฤติกรรมโพสต์ภาพหญิงสาวเพื่อการค้าประเวณีอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งมีการนำภาพเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี มาโพสต์เพื่อการค้าประเวณี จึงได้ส่งสายลับแฝงตัวเพื่อปฏิบัติการล่อซื้อ โดยเมื่อวันที่ 23 พ.ค.68 สายลับได้ติดต่อกับเพจดังกล่าว และได้พูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยบัญชีไลน์ได้มีการส่งภาพเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี มาให้เลือกจำนวนหลายราย มีการตกลงราคาค่าบริการในราคาตั้งแต่ 1,500 บาท ขึ้นไป ระยะเวลาบริการ 2-3 ชั่วโมง โดยหักค่านายหน้า 300 บาท พร้อมแจ้งสถานที่นัดหมาย คือ ซอยพุทธมณฑลสาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ สายลับจึงได้ทำการนัดหมายตามที่พูดคุยกัน
 ต่อมาเมื่อถึงเวลานัดหมายในวันที่ 24 พ.ค.68 สายลับได้พบกับเด็กสาวรายหนึ่ง อายุ 15 ปี ซึ่งถูกส่งตัวมาค้าบริการทางเพศ จากการพูดคุยกับเด็กสาวรายนี้ พบว่ายังมีเด็กสาวอีกจำนวนมากรับงานค้าบริการทางเพศอยู่ที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่การขยายผลจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายดังกล่าวในครั้งนี้
 ต่อมาในวันที่ 25 พ.ค.68 สายลับได้เดินทางไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จึงได้พบกับนายธนัชฯ หรือลุงวิท และนางสาวกรวรรณฯ หรือบูม ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมและเป็นสามีภรรยากัน สายลับได้พูดคุยกับนายธนัชฯ เรื่องการจัดหาหญิงสาวมาให้บริการในห้องพัก ซึ่งนายธนัชฯ ได้จัดหาหญิงสาวมาให้กับสายลับจริง โดยมีการคิดค่าบริการเป็น 3 อย่าง คือ 1.) ค่าห้อง 540 บาท 2.) ค่าบริการทางเพศ 950 บาท/2 ชม. 3.) ค่าตัวหญิงสาว จำนวน 1,200 บาท รวมเป็นเงินค่าบริการทั้งสิ้น 2,150 บาท โดยสายลับได้โอนเงินค่าบริการดังกล่าวเข้าบัญชีพร้อมเพย์ ปรากฏชื่อบัญชี “นางสาวกรวรรณฯ” โดยหญิงสาวที่นายธนัชฯ จัดหามาให้สายลับนั้น มีอายุเพียง 14 ปีเศษเท่านั้น
 ต่อมาสายลับได้ทำการล่อซื้อเพื่อเก็บข้อมูลอีกจำนวน 2 ครั้ง โดยได้โอนเงินค่าจัดหาเด็กสาวมาให้บริการทางเพศเข้าบัญชี “นางสาวกรวรรณฯ” ทั้ง 2 ครั้ง และเด็กสาวที่นายธนัชฯ จัดหามาให้นั้น มีอายุเพียง 14 – 15 ปีเท่านั้น
 เด็กสาวรายหนึ่งซึ่งมีอายุเพียง 15 ปี ได้เล่าให้สายลับฟังว่า เคยหนีออกจากบ้านมาขอเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งนี้ ตั้งแต่อายุ 14 ปี แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง นายธนัชฯ จึงฉวยโอกาสนี้เข้ามาตีสนิทและพยายามคะยั้นคะยอให้ “รับงาน” โดยครั้งแรก นายธนัชฯ ได้บอกว่าเป็นเพียง “งานชงเหล้า” แต่เมื่อลูกค้าพยายามล่วงละเมิดทางเพศและเธอปฏิเสธ นายธนัชฯ กลับดุด่าและบังคับให้เธอไปมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้า และไม่จ่ายเงินค่าทำงานให้ ต่อมานางสาวกรวรรณฯ ก็ได้ใช้อุบายหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน พาเธอไปรับงานขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าที่มาพักในโรงแรม และหักเงินค่าตัวไป 200 บาท ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าช่วยเหลือเด็กสาวรายนี้เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ อยู่ในความดูแลของหน่วยงานตามกฎหมายแล้ว
 ต่อมา สน.บางรัก ได้ล่อซื้อจับกุมผู้ต้องหารายหนึ่ง และช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งมีอายุไม่เกิน 18 ปีจำนวน 2 ราย ซึ่งพบว่า ทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหาย เคยพักและถูกบังคับค้าประเวณีที่โรงแรมแห่งนี้ด้วย
 นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ยังได้จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาอีกกลุ่มหนึ่ง และช่วยเหลือเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้จำนวน 5 ราย ซึ่งจากการสอบสวนปากคำ พบว่าทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหายทั้งหมด ต่างเคยเข้าพักที่โรงแรมนี้ และเคยถูกนายธวัชฯ และ นางสาวกรวรรณฯ บังคับค้าประเวณีที่โรงแรมนี้เช่นกัน อีกทั้งในวันตรวจค้นจับกุมนายธวัชฯ และนางสาวกรวรรณฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจพบเด็กหญิงอายุเพียง 16 ปี พักอาศัยอยู่ในห้องภายในโรงแรม โดยได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ถูกนายธวัชฯบังคับให้ค้าประเวณีเช่นกัน โดยได้เงินครั้งละ 1,000 บาท ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งเส้นทางการเงินที่นางสาวกรวรรณฯ รับโอนเงินจากสายลับทั้ง 3 ครั้ง คลิปวิดีโอการสนทนาระหว่างสายลับและคำให้การของผู้เสียหาย จนนำไปสู่การเข้าช่วยเหลือเด็กสาวรายอื่นๆที่เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และทำการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ ดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด
 ทั้งนี้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร./ผอ.ศตคม.ตร และ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคม. ฝากแจ้งเตือนมายังผู้ปกครองทุกท่านด้วยความห่วงใย โปรดใส่ใจดูแลความสัมพันธ์และปัญหาของบุตรหลานของท่านอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นที่พึ่งที่ปลอดภัยที่สุด ป้องกันไม่ให้พวกเขาต้องหลงเดินทางผิด ไปเจอกับผู้ไม่หวังดีที่รอฉกฉวยโอกาสจากความอ่อนแอของพวกเขา
 หากพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน บก.ปคม. 1191 ตลอด 24 ชั่วโมง
 ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ธนกร จาวรุ่งวณิชสกุล สว.กก.1 บก.ปคม. โทร. 082-4455397
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”




 
 


 
					 
					