ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปอศ. ร่วมกับ กรมสรรพากร
ปฏิบัติการ “จบเกมส์กลโกงภาษี – Anti Tax Fraud Operation Phase 2”
ชัดดาวน์เครือข่ายฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่สร้างความเสียหายต่อรัฐทั้งเครือข่าย 2,100 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.,
พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.วันเผด็จ
จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ.
กรมสรรพากร โดย น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร, น.ส.สลักจิต พงษ์ศิริจันทร์
ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร, นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) , นางเอื้อมเดือน สุขะวัลลิ ผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลาง และ นายศุภชัย บำรุงศรี ผู้อำนวยการกองสืบสวนและคดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นจับกุม โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. จำนวน 72 นาย และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร จำนวน 8 นาย รวมทั้งสิ้น 80 นาย
ตรวจค้นจับกุม ทั้งสิ้น 11 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก , จ.เชียงใหม่ , จ.ลำปาง และ
จ.กรุงเทพมหานคร แบ่งเป็น
จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 9 ราย
- น.ส.พิมพิลาสฯ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6526/2568 ลงวันที่ 7 พ.ย.68 จับกุมได้ที่ หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
- น.ส.จันทร์จิราฯ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6523/2568 ลงวันที่ 7 พ.ย.68 จับกุมได้ที่ บ้านพัก หมู่ 15 ต.แม่กาษา อ.แม่สอด จ.ตาก
- น.ส.รัตนาฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6526/2568 ลงวันที่ 7 พ.ย.68
จับกุมได้ที่ บ้านพัก หมู่ 16 ต.แม่กาษา อ.แม่สอด จ.ตาก - นายต่อศักดิ์ฯ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6521/2568 ลงวันที่ 7 พ.ย.68
จับกุมได้ที่ โกดัง ม.6 ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก - น.ส.ศิโรรัตน์ฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6524/2568 ลงวันที่ 7 พ.ย.68 จับกุมได้ที่ บ้านพัก ม.6 ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
- น.ส.ณัฏฐกุลฯ อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6522/2568 ลงวันที่ 7 พ.ย.68 จับกุมได้ที่ อาคารพาณิชย์ ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง
- น.ส.ณิชานันท์ฯ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6519/2568 ลงวันที่ 7 พ.ย.68 จับกุมได้ที่ บ้านพัก หมู่ 8 ต.อรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก
- น.ส.พัชราภรณ์ฯ อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6518/2568 ลงวันที่ 7 พ.ย.68 จับกุมได้ที่ บ้านพัก ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
- นายวรากรฯ อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6523/2568 ลงวันที่ 7 พ.ย.68
จับกุมได้ที่ บ้านพัก ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
ตรวจค้นสถานประกอบกิจการ ตามหมายค้น 2 จุด ได้แก่
- อาคารพาณิชย์ ถ.สายเอเชีย ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก
- โกดัง ม.6 ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิจะออกฯ
ตามมาตรา 86/13” , “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มหรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน” และ
“เจตนานำใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี”
อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) (6) (7) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี
ต่อ 1 กรรมการกระทำความผิด ต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งพบว่าการกระทำความผิดของผู้ต้องหาแต่ละราย
มีจำนวนหลายกรรม
วันเวลาที่ตรวจค้นจับกุม วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 13.00 น.
ตรวจยึดของกลาง ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว
- เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการยื่นภาษี จำนวน 30,000 ฉบับ
- คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 7 เครื่อง
พฤติการณ์ ด้วย ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กก.2 บก.ปอศ. และ กรมสรรพากร ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบการกระทำความผิดของเครือข่ายฉ้อโกงภาษีของนายสำราญฯ กับพวก ซึ่งได้ใช้เครือญาติและพนักงานของตน จดจัดตั้งร้านค้าและบริษัทที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) แล้วแสร้งทำการซื้อขายสินค้าระหว่างกันเป็นทอดๆ โดยไม่มีการซื้อขายกันจริง เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าในแต่ละทอดให้สูงขึ้น ส่งผลให้ภาษีมูลค่าเพิ่มมีจำนวนที่สูงขึ้นตามมูลค่าสินค้า จากนั้นใช้บริษัทที่จดทะเบียนส่งออก ที่เป็นเครือข่ายตนเอง ทำการซื้อสินค้าทอดสุดท้ายที่ราคาสูงเกินจริง แล้วส่งออกสินค้าไปยังประเทศพม่า เพื่อสร้างภาพของการส่งออกสินค้าโดยใช้สิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกสินค้า (VAT 0%) แล้ว ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) จากภาษีซื้อของมูลค่าสินค้าทอดสุดท้าย อันเป็นเท็จจากกรมสรรพากร ซึ่งสร้างความเสียหายต่อรัฐเป็นจำนวนกว่า 1,100 ล้านบาท ซึ่งต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน 2568 กก.2 บก.ปอศ. ได้ร่วมกับกรมสรรพากร เปิดปฏิบัติการ Operation Anti Tax Fraud ปิดเกมส์กลโกงภาษี โดยได้ขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายของนายสำราญฯ เป็นจำนวน 10 ราย และขออนุมัติศาลออกหมายค้น เพื่อเข้าตรวจค้นสถานประกอบกิจการ จำนวน 14 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก , จ.เชียงใหม่ และ กทม. พร้อมกันนั้นได้ตรวจยึดอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์จำนวน 51 เครื่อง และเอกสารทางบัญชีกว่า 100,000 ฉบับ
จากความสำเร็จในการปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายฉ้อโกงภาษี ในเฟสที่ 1 กก.2 บก.ปอศ. และ กรมสรรพากร ยังได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มเครือข่ายนี้เรื่อยมา จนพบพยานหลักฐานเพิ่มเติม กล่าวคือ พบร้านค้าและบริษัทของกลุ่มเครือข่าย อีกจำนวน 7 แห่ง ที่ใช้ แผนประทุษกรรมในลักษณะเช่นเดียวกันในการฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ที่แตกต่างออกไปจากเฟสที่ 1 คือ พบจำนวน 2 บริษัท ที่มิใช่บุคคลในเครือญาติหรือพนักงานของนายสำราญฯ เหมือนในครั้งก่อน แต่เป็นบริษัทนอกเครือข่ายที่มีการประกอบกิจการจริง มีหน้าร้าน มีสินค้าจริง แต่พบว่ามีการออกใบกำกับภาษีที่ไม่มีการซื้อขายสินค้าให้แก่กันจริงกับบริษัทส่งออกของเครือข่ายฯ โดยตรวจพบว่ามีการนำใบกำกับภาษีที่เหลือจากการออกให้บุคคลธรรมดาที่ไม่มีการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (บิลเหลือ) แล้วออกให้กับกลุ่มร้านค้าของเครือข่ายฯ อีกทั้งยังพบว่ามีการออกใบกำกับภาษีให้กลุ่มเครือข่ายฯ โดยรับค่าตอบแทน (ขายบิล)
จากการตรวจสอบบริษัทส่งออกในเครือข่ายทั้ง 2 บริษัท พบว่ามีการจดจัดตั้งขึ้นในช่วงต้นปี 2565 แต่กลับมียอดการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร เฉพาะห้วงปี 2565 (ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน) เป็นจำนวนเงินกว่า 60 ล้านบาท และจากการประเมินภาษีของทั้งเครือข่ายที่ได้ตรวจพบจากการขยายผลเพิ่มเติมในครั้งนี้ พบว่ามีมูลค่าความเสียหาย เป็นจำนวนเงินกว่า 1,000 ล้านบาท เจ้าพนักงานตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. จึงได้ดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมเป็นจำนวน 9 ราย และได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นเพื่อเข้าทำการตรวจค้นสถานประกอบกิจการของกลุ่มเครือข่ายอีกจำนวน 2 จุด
ท้ายที่สุด ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร รวมทั้งสิ้น 80 นาย ได้บูรณาการกำลัง เปิดปฏิบัติการ “จบเกมส์กลโกงภาษี” หรือ “Anti Tax Fraud Operation Phase 2” เพื่อจับกุมกลุ่มเครือข่ายผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ทั้ง 9 ราย ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อ.แม่สอด จ.ตาก 6 ราย , พื้นที่ จ.เชียงใหม่ 1 ราย , พื้นที่ จ.ลำปาง 1 ราย และ กรุงเทพมหานคร 1 ราย และตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐาน ตามหมายค้น อีกจำนวน 2 จุด ในพื้นที่ แม่สอด จ.ตาก โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นจับกุมพร้อมกันทั้ง 11 จุด ในโอกาสนี้ น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร, พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. ได้ควบคุมการปฏิบัติการ ณ ห้องควบคุมสั่งการ RTCC (Real Time Crime Center) ชั้น 8 อาคารประชาอารักษ์ บก.ป. ตลอดระยะเวลาการเข้าปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม
ผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ครบถ้วนทั้ง 9 ราย (จับกุม 100%) และ ตรวจยึดของกลางเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 7 เครื่อง และเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 30,000 ฉบับ จากนั้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในการปฏิบัติการในครั้งนี้ ถือเป็นการปิดฉากเครือข่ายฉ้อโกงภาษีของรัฐ ที่ได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ และการพัฒนาประเทศในภาพรวม อย่างเด็ดขาดอีกครั้งหนึ่ง
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น มีผู้ต้องหาบางรายให้การรับสารภาพ และบางรายให้การปฏิเสธ
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก โดยประสานความร่วมมือกับกรมสรรพากรอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปราบปรามผู้กระทำความผิดฐานฉ้อโกงภาษี อันเป็นการทำลายระบบการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ
ทั้งนี้ การฉ้อโกงภาษีในลักษณะนี้ เป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 90/4(3) (6) (7) มีโทษจำคุก ตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี , ปรับตั้งแต่ 2,000 – 200,000 บาท
มาตรา 90/4 บุคคลดังต่อไปนี้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท
(3) ผู้ออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้โดยไม่มีสิทธิจะออกเอกสารดังกล่าวตาม มาตรา 86/13
(6) ผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนอง เดียวกัน
(7) ผู้ประกอบการโดยเจตนานำใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วย กฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กก.2 บก.ปอศ. หมายเลขโทรศัพท์ 02 191 9191 ต่อ 2701 ผู้ประสานงานเพิ่มเติม พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ. หมายเลขโทรศัพท์ 0894115636, ร.ต.อ.กฤษณะ มะกรูดอินทร์ รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอศ. หมายเลขโทรศัพท์ 0929244245





