จ่าคิงส์ พาลูกร้องกองปราบฯ ทวงถามคดีวิสามัญฆาตกรรมพ่อ สงสัยการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี ลูกชาย-ลูกสาว และญาติของผู้เสียชีวิตจากจังหวัดราชบุรี เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อม 'จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่' หลังสงสัยการวิสามัญฆาตกรรมผู้เป็นพ่อ และกังวลว่าคดีจะไม่คืบหน้า เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจใน สภ.เดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 พ.ย. 68 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ ได้นำ นายณัฐพงศ์ โพคัยสวรรค์ (ลูกชาย อายุ 27 ปี), น.ส.ธนวรรณ โพคัยสวรรค์ (ลูกสาว อายุ 25 ปี) พร้อมด้วยญาติของ นายสุรพล โพคัยสวรรค์ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี วิสามัญฆาตกรรม เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 68 เวลาประมาณ 09.40 น. เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนและทวงถามความคืบหน้าของคดี ซึ่งทางครอบครัวติดใจหลายประเด็น สงสัยยิงเกินกว่าเหตุ บุตรของผู้เสียชีวิตแสดงความกังวลว่าคดีจะไม่ได้รับการคลี่คลายอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สภ. เดียวกัน น.ส.ธนวรรณ เปิดเผยว่า ตนยังติดใจในวันเกิดเหตุ เพราะพ่อมีสติสัมปชัญญะเป็นปกติดี และลักษณะที่เห็นในคลิป พ่อวิ่งเข้าหาตำรวจจริง แต่ "ไม่ได้ยกมีดง้างจะขึ้นฟัน" และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ลักษณะการยิงของตำรวจเป็นแบบ "กระหน่ำยิง" เชื่อว่าน่าจะใช้ปืนมากกว่า 1 กระบอก โดยพบปลอกกระสุนตกในที่เกิดเหตุถึง 9 ปลอก ส่งผลชันสูตรขัดแย้งกับบาดแผล โดยผลชันสูตรจากนิติเวช รพ.ราชบุรี ระบุว่าถูกยิงที่ขา 2 นัด และที่เหนือปาก 1 นัด กระสุนโดนฟันซี่ 2 และ 3 ก่อนทะลุคอออกด้านหลัง เท่านั้น แต่ครอบครัวติดใจว่า ร่องรอยคล้ายรูกระสุนที่หน้าผาก กลับไม่ได้มีการบันทึกไว้ในผลชันสูตร ทำให้ญาติได้ทำหนังสือถึงผู้กำกับ สภ.เมืองราชบุรี เพื่อขอให้ทำการผ่าชันสูตรอีกครั้ง แต่ยังไม่มีการดำเนินการ นอกจากนี้ทางครอบครัวเคยทำเรื่องขอคลิปภาพจากกล้องประจำตัวของตำรวจ (บอดี้แคม) แต่ไม่เคยได้รับ ทว่ากลับมีคลิปจากกล้องตัวเดียวถูกนำไปเผยแพร่ในโซเชียล ทั้งที่วันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมในเหตุการณ์ทั้งหมด 3 นาย น.ส.ธนวรรณ ระบุว่า ทางครอบครัวเราต้องการให้มีการ ย้ายหรือพักราชการเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามนาย โดยเกรงว่าจะมีการเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือข่มขู่ชักจูงพยานได้ นอกจากนี้ ลูกๆ ของผู้ตายพยายามเดินทางไป แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ที่ สภ.เมืองราชบุรี แต่กลับถูกปฏิเสธการรับแจ้งความ โดยอ้างว่าลูกๆ ไม่ใช่ทายาทตามกฎหมาย เนื่องจากพ่อและแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน นอกจากนี้ทางครอบครัวยังติดใจในประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามนายอ้างว่ามีการแจ้งว่ามีบุคคลคุ้มคลั่งอาละวาด แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่าใครเป็นผู้แจ้งเหตุดังกล่าว น.ส.ธนวรรณ เล่าย้อนเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า ขณะที่กำลังกลับมาจากส่งของกับเพื่อน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดอย่างชัดเจน เมื่อเดินเข้าซอยพบตำรวจประจำป้อมขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมาคนเดียว โดยไม่แจ้งข้อมูลใดๆ เมื่อเดินถึงทางโค้งในซอย พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย กำลังปั๊มหัวใจบุคคลที่นอนอยู่บนพื้น "จนกระทั่งป้าข้างบ้านมาบอกว่า 'ไอหมิวเอง รีบวิ่งไปดูพ่อเองดิ พ่อเองโดนตำรวจยิง'" บุตรสาวรีบวิ่งไปดูพ่อในสภาพที่นอนนิ่ง ตาค้าง มีเลือดเต็มหน้า และกำลังกะอักเลือด เธอพยายามจะเข้าไปหาพ่อ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกันไว้ พร้อมทั้งกล่าวอ้างว่า "พ่อน้องถือมีดจะวิ่งไล่ฟันพี่ พี่เลยต้องยิงป้องกันตัว พี่เองก็มีลูกมีเมีย" สุดท้ายนี้ ลูกและญาติจึงวิงวอนขอให้กองบังคับการปราบปรามเข้ามารับทำคดีนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและนำผู้ที่กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป





