“แก้วสรร อติโพธิ”รุดพบ พงส.ปอท.ฐานะพยาน หลังมีเพจดังเองบทความพาดพิงสถาบันฯ ที่แอบอ้างชื่อว่าเป็นคนเขียนไปเผยแพร่

“แก้วสรร อติโพธิ”รุดพบ พงส.ปอท.ฐานะพยาน หลังมีเพจดังเองบทความพาดพิงสถาบันฯ ที่แอบอ้างชื่อว่าเป็นคนเขียนไปเผยแพร่ เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 18 มี.ค.68 ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายแก้วสรร อติโพธิ อายุ 74 ปี นักการเมือง อดีต สว. อดีต สมาชิกร่างรัฐธรรมนูญฯ อดีตแนวร่วม กปปส. อดีต ประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็กฯ พร้อมด้วยนายขวัญสรวง อติโพธิ คู่แฝด เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.ตามหมายเรียก โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที นายแก้วสรร กล่าวว่าวันนี้ตนเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ตามที่มีหมายเรียก เชิญมาพบในฐานะพยานในคดีที่มีอดีตนายตำรวจมาแจ้งความเอาผิดเพจดังเพจหนึ่ง โดยมีน้องชาย“ขวัญสรวง”มาให้กำลังใจ คดีนี้เมื่อ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา มีนายตำรวจนอกราชการมาแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. โดยนำข้อความที่มีชื่อว่า “ทักษิณเจ้าพ่อประเทศไทย” ที่มีการพูดถึงความยิ่งใหญ่มาก มีคดีก็ไม่ต้องนอนติดคุก และมีข้อความพาดพิงไปถึงสถาบันฯ ด้วย ทำให้มีนายตำรวจท่านหนึ่งนำมาแจ้งความกล่าวโทษกับตำรวจ ปอท.ว่า เป็นข้อความที่จาบจ้วงสร้างความเสื่อมเสียพระเกียรติฯ โดยระบุชื่อเพจที่เอาข้อความเหล่านี้ไปเผยแพร่ จำนวน 4 เพจ เมื่อวานตำรวจ ปอท. จึงส่งหนังสือเชิญตนมาพบในฐานะพยาน เนื่องจากในบทความดังกล่าวได้ลงชื่อตอนจบว่าบรรยายโดย “ แก้วสรร อติโพธิ” ตำรวจ ปอท. ไม่ทราบว่าตนได้เขียนข้อความเหล่านั้นจริงหรือไม่วันนี้จึงได้เชิญตนมาเป็นพยาน ซึ่งตนมาให้ปากคำวันนี้ ดังนี้ 1. บทความนี้โจมตีทักษิณต่างๆนาๆ ซึ่งตนก็เห็นด้วย ส่วนเรื่องที่ไปพาดพิงถึงสถาบันฯ นั้นตนไม่เห็นด้วยและตนเองก็ไม่ได้เขียนบทความนี้ ซึ่งตนเองเจอบทความนี้เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีเพื่อนๆ ได้ ส่ง LINE มาสอบถามว่าตนเป็นคนเขียนหรือไม่ เพราะมันจะเป็นอันตราย ตนเห็นแล้วก็ตกใจบอกเพื่อนไปว่าห้ามเผยแพร่ต่อไปเด็ดขาด วันรุ่งขึ้น 24 กุมภาพันธ์ ตนได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สน. เพชรเกษม ผู้กำกับ สน. ได้รายงานต่อไปยัง บช.น. คาดว่าทาง บช.น.ส่งเรื่องต่อมายัง บก.ปอท. ซึ่งตนเองก็อยากรู้ว่าใครเป็นคนเขียนข้อความเหล่านั้น เมื่อมีหมายเรียกให้ตนมาชี้แจงวันนี้ก็จึงรีบเดินทางมาพบ และให้ปากคำไปหมดแล้วว่าตนไม่เกี่ยวข้องมีคนแอบอ้างเอาชื่อนามสกุลไปใช้โดยได้นำบันทึกประจำวันสน. เพชรเกษม มาให้ดูด้วย นอกจากนี้เมื่อสอบถามทางพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีคนนำข้อเขียนนี้ไปเผยแพร่ต่ออีก 4 เพจ นอกจากนี้ยังมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ก็โดนเอาไปอ้างอิงต่ออีกซึ่งทำให้มีตำรวจนอกราชการอีกท่านหนึ่งไปร้องทุกข์กล่าวโทษพล.ต.อ.เสรีฯ อีกคนหนึ่งด้วย ตนรู้สึกไม่สบายใจและอยากจะบอกกับสาธารณชนว่า ใครจะเกลียดหรือชอบคุณทักษิณก็ว่ากันไปตามสิทธิ์ แต่การที่มีการนำเอาสถาบันฯ มาเกี่ยวข้องและพาดพิงตรงนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดี ดังนั้นถ้าเจอใครที่ไม่ชอบทักษิณเหมือนตนก็ขอร้อง สถาบันฯ เป็นเรื่องของส่วนรวม เราจะคิดยังไงไม่มีใครห้ามเราได้ แต่จะพูดหรือทำอะไรขอให้เห็นกับส่วนรวมสถาบันฯ นี้เป็นจุดที่โยงประชาชนเข้าด้วยกันอย่าเพียงแค่เห็นโพสต์อะไรถูกใจแล้วโพสต์หรือแชร์ต่อๆ กันไป คนแชร์ต่อไปก็จะมีความผิดเท่ากับคนโพสต์ ดังนั้นอย่าทำแยกแยะให้ออกตนฝากขอเตือนในเรื่องนี้ ตนฝากไปถึงคุณทักษิณขอให้หยุดพูด ถึงสถาบันฯ พระบรมราชโองการ คุณคิดว่าทำถูกทำดีก็ว่ามาอยากจะทำดีก็ทำไป แต่อย่ากล่าวอ้างจะทำให้คนอื่นไม่ชอบสถาบันฯ ไปด้วยขอร้องอย่าดึงลงมาเด็ดขาด 2.เรื่องการเมืองกับสถาบันฯ อย่าเอามารวมกัน สำหรับ ม.112 ต้องมีไว้ปกป้องพระเกียรติฯ ทางตำรวจ ปอท.ได้ให้ข้อมูลว่าข้อความนี้มีการแชร์วันไปเมื่อประมาณเดือน ก.พ.-มี.ค.นี่เอง ทั้งที่มีการเผยแพร่กันมาตั้งแต่ พ.ค.2567 แล้ว ตนไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังของบทความข้อความเหล่านี้ อาจจะเป็นพวกที่เกลียดพวก“คนที่เกลียดทักษิณ”ทำขึ้นมาแล้วปล่อยออกไปเมื่อมีเพจที่สนใจเอาไปนำเสนอต่อก็จะได้ถูกดำเนินคดี ตนเชื่อว่าน่าจะมีการวางแผนโดยใช้บทความนี้เป็นเชื้อ และชื่อเสียงของตนชอบในความคิดเรื่องไม่ชอบทักษิณ ก็เลยทำเรื่องอัปรีย์แบบนี้ออกมา




You May Also Like